

THE STORY OF
เดิมนั้น “The Singha Story” เป็นเพียงโครงการจัดทำหนังสือเพื่อบันทึกเรื่องราวการเดินทางของ “พระยาภิรมย์ภักดี” ผู้ก่อตั้งบริษัทบุญรอดฯ ในฐานะที่ท่านกำเนิดเป็นบุตรของตระกูลขุนนางและถูกคาดหวังให้รับราชการรับใช้แผ่นดิน แต่ท่านกลับเลือกที่จะคว้าโอกาสบนเส้นทางธุรกิจ จนในที่สุดสามารถก่อตั้งโรงเบียร์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ พร้อมกับที่ยังคงบทบาทรับใช้แผ่นดินใต้เบื้องพระยุคลบาทไปพร้อมกัน หนังสือเล่มนี้ยังเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจผ่านกาลเวลาเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งไปสู่อนาคต ตลอดจนเล่าเรื่องราวการขยายธุรกิจโรงเบียร์ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กระทั่งเคยเกือบสูญเสียทุกอย่างในช่วงเวลาหนึ่งไปด้วย
จากหนังสือที่ใช้เวลารังสรรค์กว่า 10 ปี และเปลี่ยนมือผู้จัดทำมาแล้วหลายกลุ่มบุคคล “คุณสรวิช ภิรมย์ภักดี” เหลนของพระยาภิรมย์ภักดี ได้เข้ามารับช่วงต่อโครงการนี้ในที่สุด มีการเขียนเนื้อหาใหม่ รวมถึงปรับการออกแบบหนังสือให้รูปเล่มใหญ่และโดดเด่น สมเกียรติผู้ก่อตั้ง ไม่นานจากนั้น โครงการพิพิธภัณฑ์สิงห์ก็ได้กำเนิดขึ้นตามมา เพื่อขยายเรื่องราวในหนังสือให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เดินเข้าชมได้จริง
พิพิธภัณฑ์สิงห์ กำเนิดขึ้นจากโรงเบียร์เก่าที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2510 และถูกทิ้งร้างอยู่ภายในบริเวณบริษัทบุญรอดฯ ณ สำนักงานใหญ่บนถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร โรงเบียร์เก่านี้ ได้ยุติการผลิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2544 ในส่วนของโรงเบียร์ดั้งเดิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ที่ตั้งอยู่ใกล้กันนั้น กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ โดยถือเป็นระยะที่ 5 ของโครงการที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้
โครงการพิพิธภัณฑ์สิงห์ และคลังเอกสารบุญรอดฯ มีแผนการดำเนินงานที่แบ่งออกเป็นระยะต่างๆ ดังต่อไปนี้:

"จากหนังสือสู่พิพิธภัณฑ์"
จุดเริ่มต้นจากหนังสือ "THE SINGHA STORY" คือ หนังสือ "The Singha Story" ฉบับภาษา อังกฤษ ซึ่งพิมพ์เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2558 เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ ครั้งแรกเกี่ยวกับโรงเบียร์แห่งแรกของประเทศไทยและครอบครัวผู้ดำเนินธุรกิจ
Phase II

การบูรณะโรงเบียร์
การบูรณะโรงเบียร์เก่าปี 2510 คือ การบูรณะโรงเบียร์เก่าที่สร้างขึ้นใน ปี พ.ศ. 2510 ซึ่งได้กลายมาเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิงห์ โดยผู้ เยี่ยมชมสามารถเดินชมโรงเบียร์ที่ยังคงรูปแบบของโรงเบียร์เยอรมัน แบบดั้งเดิม และยังคงเก็บรักษาหม้อต้มทองแดงแบบดั้งเดิมไว้ โรงเบียร์ แห่งนี้หยุดทำการผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2544 เนื่องจากการขยายตัวของ ชุมชนในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ที่เคยทำการผลิต ต้องกลายเป็นเขตปลอดอุตสาหกรรมไป โรงเบียร์จึงถูกปล่อยทิ้งร้าง เต็มไปด้วยฝุ่นและขยะ จนกระทั่งมีแผนปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2558 จึงมีการจัดระเบียบพื้นที่ดังกล่าว ส่วนแรกของการจัดตั้ง พิพิธภัณฑ์ได้เสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2559 หลังจาก ล่าช้าไปหลายเดือน และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมเล็กน้อยในช่วงกลางปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์สิงห์เปิดให้แขกของบริษัทบุญรอดฯ และ บริษัทในเครือได้เยี่ยมชม รวมถึงเปิดให้คณะบุคคลที่ทำการนัดหมาย ล่วงหน้าเข้าชมได้เท่านั้น
Phase III

การขยายพื้นที่พิพิธภัณฑ์
การบูรณะโรงเบียร์เก่าปี 2510 คือ การบูรณะโรงเบียร์เก่าที่สร้างขึ้นใน ปี พ.ศ. 2510 ซึ่งได้กลายมาเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิงห์ โดยผู้ เยี่ยมชมสามารถเดินชมโรงเบียร์ที่ยังคงรูปแบบของโรงเบียร์เยอรมัน แบบดั้งเดิม และยังคงเก็บรักษาหม้อต้มทองแดงแบบดั้งเดิมไว้ โรงเบียร์ แห่งนี้หยุดทำการผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2544 เนื่องจากการขยายตัวของ ชุมชนในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ที่เคยทำการผลิต ต้องกลายเป็นเขตปลอดอุตสาหกรรมไป โรงเบียร์จึงถูกปล่อยทิ้งร้าง เต็มไปด้วยฝุ่นและขยะ จนกระทั่งมีแผนปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2558 จึงมีการจัดระเบียบพื้นที่ดังกล่าว ส่วนแรกของการจัดตั้ง พิพิธภัณฑ์ได้เสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2559 หลังจาก ล่าช้าไปหลายเดือน และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมเล็กน้อยในช่วงกลางปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์สิงห์เปิดให้แขกของบริษัทบุญรอดฯ และ บริษัทในเครือได้เยี่ยมชม รวมถึงเปิดให้คณะบุคคลที่ทำการนัดหมาย ล่วงหน้าเข้าชมได้เท่านั้น
Phase IV

หนังสือ ตำนานสิงห์
หนังสือ THE SINGHA STORY ฉบับแปลไทย คือ การแปล หนังสือ "The Singha Story" เป็นภาษาไทยในนามของ “สิงห์ปกรณัม” ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 และมีการเปิดตัวหนังสือต่อสาธารณชนในงาน Bangkok Edge Festival เมื่อกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 โดยฉบับภาษาไทย มีขนาดรูปเล่มเล็กกว่าฉบับภาษาอังกฤษ ใช้ปกอ่อนแทนปกแข็ง และน้ำหนักเบากว่า เพื่อให้ง่ายต่อการเปิดอ่าน แตกต่างจากฉบับ ภาษาอังกฤษที่เป็นหนังสือจัดวางบนโต๊ะรับแขกที่เน้นความสวยงาม
Phase V

การเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีผู้ก่อตั้ง
ครบรอบ 150 ปี แห่งตำนานพระยาภิรมย์ภักดี ตรงกับวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ของผู้ก่อตั้ง คือ พระยาภิรมย์ภักดี ในปี พ.ศ. 2565 มีการจัดพิมพ์สมุดบันทึกส่วนตัว ของท่านใหม่อีกครั้ง หลังจากฉบับเดิมเคยตีพิมพ์แจกในงานฌาปนกิจของท่าน ฉบับ พิมพ์ใหม่นี้มีการเพิ่มภาพถ่ายและเอกสารต่างๆ ร่วมด้วยการจัดนิทรรศการชีวประวัติ ของท่านตลอดทั้งปี ณอาคารเก่าซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของโรงเบียร์แห่งแรกจากการค้นพบ เอกสารใหม่ๆ รวมถึงสมุดบันทึกส่วนตัวของพระยาภิรมย์ภักดี พิพิธภัณฑ์สิงห์จึงได้ ดำเนินการจัดระเบียบคลังเอกสารของโรงเบียร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดให้บริการห้อง สมุดออนไลน์ และในปี 2565 นี้ยังได้มีการเปิด “Singha Shop” ร้านขายของที่ระลึก ของโรงเบียร์ขึ้นในบริเวณเดียวกับที่จัดนิทรรศการครบรอบ 150 ปีด้วย
Phase VI
สืบสานมรดก


“มุมมองจากแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นอาคารพิพิธภัณฑ์สิงห์ (ตรงกลาง) อาคารท่าน้ำ 1 (ด้านขวา) และอาคารโรงเบียร์ดั้งเดิมสีขาวที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476”
อนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์ของโรงเบียร์ คือ การบูรณะอาคารเก่าซึ่งเดิมเคยเป็นโรงไฟฟ้าของ โรงเบียร์ ก่อนที่ต่อมาจะปรับเปลี่ยนเป็นโรงผลิตโซดา และปัจจุบันได้กลายเป็นอาคารสำนักงานของ ฝ่ายวิศวกรรมและสารสนเทศ โดยภายในยังคงเหลือเครื่องกรองน้ำเก่า ซึ่งให้บรรยากาศดั้งเดิม อย่างแท้จริง บริษัทพิพิธภัณฑ์สิงห์ได้เข้าดูแลพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอาคารแห่งนี้ และทำการทาสีเครื่อง จักรบริเวณชั้น 1 ใหม่ ส่วนชั้น 2 และชั้น 4 ได้ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับเก็บรักษาจดหมายเหตุ เอกสาร โบราณวัตถุ และหลักฐานต่างๆ ที่ถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อบริษัทและ ตระกูล
Phase VII

ต่อยอดมรดก
บูรณะอาคารประวัติศาสตร์ปี 2476 คือ การเริ่มต้นบูรณะอาคารดั้งเดิมที่ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2476 ในปีพ.ศ. 2567 โดยเริ่มจากการทำความสะอาด อาคาร ซ่อมแซมหน้าต่างและตกแต่งภายใน เพิ่มแสงไฟเพื่อเน้นความงาม ของหม้อทองแดงดั้งเดิม ตลอดจนปรับปรุงผนังภายนอกอาคารใหม่ การบูรณะทั้งหมดนี้คาดว่าใช้เวลาประมาณสองปีจึงจะแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2568 ยังได้มีการเปิด Singha Museum Café ณ พื้นที่จัดแสดง นิทรรศการเดิมของโรงเบียร์หมายเลข 1 รวมถึงการเปิด Singha Shop ที่อาคาร Singha Complex ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานของบริษัทบุญรอดฯ อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนอโศก ที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานเอกอัครราชทูต ญี่ปุ่นมาก่อน
Phase VIII
สู่ 100 ปี บุญรอดบริวเวอรี่


ขยายพื้นที่พิพิธภัณฑ์สู่มรดกร้อยปีบุญรอด มีแผนปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้าน หลังของ Singha Café และ Singha Shop ให้กลายเป็นโซนสำหรับชิมเบียร์ และขยายโซนพิพิธภัณฑ์เข้าไปยังพื้นที่ด้านหลังเพิ่มเติม เพื่อจัดแสดง ประวัติศาสตร์ของเบียร์ รวมถึงเรื่องราวของบริษัทบางหลวง ซึ่งเป็น กิจการเรือข้ามฟากของพระยาภิรมย์ภักดี พื้นที่เหล่านี้อยู่ในโรงเบียร์ หมายเลข 1 พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะติดตั้งจุดแสดงข้อมูลตามตำแหน่ง สำคัญต่างๆ ภายในบริเวณสำนักงานที่สามเสน ตลอดจนคลังเอกสารของ บุญรอดฯ ที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จให้ทันวาระครบรอบ 100 ปีของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในปี พ.ศ. 2576

“ในฐานะผู้สืบสายเลือดจากผู้ก่อตั้ง และได้รับมอบหมายจากครอบครัวให้ดูแลโครงการพิพิธภัณฑ์และงานด้านประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ผมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นชื่อคุณทวดของผม คือ พระยาภิรมย์ภักดี ดำรงไปสู่อนาคต เรื่องราวของท่านเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจในทุกแง่ทุกมุม เป็นตัวอย่างของความขยันหมั่นเพียร การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ความไม่สิ้นหวัง และการมีศรัทธาในตนเอง ท่านคือแบบฉบับแห่งความสำเร็จของชาวสยามและชาวไทยอย่างแท้จริง”
- สรวิช ภิรมย์ภักดี