
พิพิธภัณฑ์สิงห์ เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนภายใต้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ธุรกิจเบียร์แห่งแรกของประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2476 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในโรงเบียร์หมายเลข 2 ของสำนักงานใหญ่บริษัทบุญรอดฯ บนถนนสามเสน ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ก่อตั้ง “พระยาภิรมย์ภักดี” และเส้นทางการก่อสร้างโรงเบียร์บุญรอดฯ พิพิธภัณฑ์สิงห์แบ่งออกเป็น 5 โซน เริ่มจากนำเสนอเหตุการณ์สำคัญไล่ตามลำดับเวลา ไปจนถึงการสืบสานตำนานของผู้ก่อตั้งที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นผ่านตระกูลภิรมย์ภักดี

พิพิธภัณฑ์สิงห์ เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ณ โรงเบียร์หมายเลข 2 ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 โรงเบียร์หมายเลข 2 แห่งนี้เคยถูกปล่อยทิ้งร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 หลังจากที่โรงงานผลิตเบียร์ทั้งหมดได้ย้ายออกจากสำนักงานใหญ่ไปยังสถานที่อื่นทั่วประเทศ
พิพิธภัณฑ์สิงห์และคลังเอกสาร ยังคงดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายพื้นที่และเรื่องราว หลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของบริษัทฯ กำลังได้รับการชำระ บันทึกรายการ และแบ่งแยกเนื้อหาออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่
The Singha Story
The Singha Story เดิมทีเป็นการจัดทำหนังสือที่บันทึกชีวประวัติของพระยาภิรมย์ภักดี ผู้เริ่มจากเป็นครู สู่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของประเทศไทย เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้ผ่านการรังสรรค์เข้าสู่พิพิธภัณฑ์สิงห์ แปลงถ้อยคำในหน้ากระดาษให้เป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้ ในรูปแบบนิทรรศการที่ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสเรื่องราวได้ด้วยตนเอง

1 - timeline
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรงเบียร์แห่งแรกของประเทศไทย เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2472 เมื่อพระยาภิรมย์ภักดีมีแนวคิดที่จะบุกเบิกธุรกิจใหม่ จนถึงเรื่องราวการก่อสร้างโรงเบียร์หมายเลข 2 ในปี พ.ศ. 2510 เพื่อขยายกำลังการผลิต “เบียร์สิงห์” เบียร์ไทยที่มีชื่อเสียงที่สุด

2 - Copper Vats Hall
ห้องโถงดั้งเดิมนี้ ชั้นล่างประกอบด้วยหม้อต้มทองแดงแท้ 3 หม้อ และที่ชั้นบนอีก 1 หม้อ มีความสวยงามดึงดูดผู้พบเห็น เครื่องจักรทุกชิ้น รวมถึงกระเบื้องผนัง พื้น หน้าต่าง และเพดาน ล้วนเป็นของดั้งเดิมทั้งหมดที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี โรงเบียร์แห่งนี้ถือว่าทันสมัยที่สุดในยุคนั้น และมีการปรับปรุงเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้งานเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2544 เรื่องราวของบริษัทบุญรอดฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2470-2490 ได้จัดแสดงไว้ ณ โถงแห่งนี้ โดยแบ่งออกเป็น 10 หมวด

3 - The Founder
ชีวประวัติของพระยาภิรมย์ภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้นำเสนอไว้ ณ ที่แห่งนี้ ถ่ายทอดตั้งแต่ท่านกำเนิดเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลขุนนาง โดยบิดาของท่าน “พระภิรมย์ภักดี” รับราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงช่วงที่ท่านเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางธุรกิจในฐานะเสมียนของบริษัทไม้สักชั้นนำแห่งหนึ่งในสยาม และก่อตั้งบริษัทไม้สักของตนเองขึ้นในที่สุด ก่อนที่จะขยับขยายไปทำกิจการเรือข้ามฟากร่วมกับบุตรชายของเจ้านายเก่าคนแรก ซึ่งธุรกิจเรือข้ามฟากนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกเพื่อเชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ และธนบุรี ทำให้พระยาภิรมย์ภักดี เริ่มคิดก่อตั้งโรงเบียร์แห่งแรกของประเทศไทยขึ้น ในขณะนั้นท่านมีอายุ 60 ปี ด้วยวัยนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดถึงการเกษียณแล้ว แต่ท่านกลับยังริเริ่มธุรกิจใหม่ และเรื่องราวที่เหลือจากนั้น ก็กลายเป็นตำนานที่เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้

4 - PEOPLE & EMBLEMS
ตราสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด คือ “ตราหนุมานคาบศร” โดยศรนั้นเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราว ด้วยศรดังกล่าวเป็นหนึ่งในสามศรจากพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีรูปทรงเดียวกับสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพุทธ) สะพานแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รัชกาลที่ 7 พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำหนึ่งในศรนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์บริษัทบุญรอดฯ บุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการก่อตั้งโรงเบียร์แห่งนี้ก็ได้รับการบันทึกเรื่องราวไว้ในส่วนจัดแสดงนี้เช่นกัน

5 - The Legacy Continues
บุตรชายทั้งสามของพระยาภิรมย์ภักดีได้สานต่อเจตนารมณ์ของบิดา อีกทั้งส่งต่อคำสอนพร้อมแนวคิดของผู้ก่อตั้งบริษัทฯ สืบทอดสู่ทายาทรุ่นที่ 3 และ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดี ซึ่งทายาทของท่านได้ขยายบริษัทบุญรอดฯ ให้เติบโตจนกลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งขนาดใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
